คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ การบริหารจัดการฟาร์มเกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
ผศ.ดร.อุทัย อันพิมพ์ | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : พัฒนบูรณาการศาสตร์ |
ประสบการณ์ : การผลิตเห็ด
การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ
การขยายพันธุ์พืช
การจัดการความรู้
เศรษฐกิจพอเพียง ความเชี่ยวชาญ : การจัดการความรู้เรื่องเห็ด การบริหารจัดการฟาร์มเกษตรแบบผสมผสาน (เกษตรประณีต) เศรษฐกิจพอเพียง การจัดการทรัพยากรมนุษย์ |
|||||||||||||||||
ดร.ธรรมวิมล สุขเสริม | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : Development Policy |
ประสบการณ์ : งานวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความรับผิดชอบต่อสังคม การจัดการการตลาด ความเชี่ยวชาญ : งานวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความรับผิดชอบต่อสังคม การจัดการการตลาด การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||
ดร.ปวีณา คำพุกกะ | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : วิธีวิทยาการวิจัย |
ประสบการณ์ : - ความเชี่ยวชาญ : สถิติศาสตร์และการวิจัย |
|||||||||||||||||
ดร.สายรุ้ง ดินโคกสูง | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : การท่องเที่ยว |
ประสบการณ์ : สอน
วิจัย
ความเชี่ยวชาญ : การท่องเที่ยวชุมชน pro-poor tourism |
|||||||||||||||||
นางสาวศุภกัญญา จันทรุกขา | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : การจัดการธุรกิจ |
ประสบการณ์ : ประธานหลักสูตรการจัดการธุรกิจ
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหาร
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ความเชี่ยวชาญ : หลักการจัดการ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ |
หลักการและเหตุผล การพัฒนาประเทศตามแนวทางเศรษฐกิจเสรีนิยมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดการฟาร์มของเกษตรรายย่อยเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากสภาวการณ์การเป็นหนี้ของเกษตรกรนับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกษตรกรละทิ้งอาชีพเกษตรกรรมหันไปรับจ้างในเมืองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตตกต่ำ ขายไม่ได้ราคา จึงทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ส่งผลให้กับเกษตรกรรายย่อยประสบกับความยากจน และนับวันที่จะแผ่ขยายในวงกว้างทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งทางด้านจิตลักษณะโดยมีองค์ประกอบ 7 ประการ ได้แก่ (1) จนเงิน (2) จนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) จนทางสังคม (4) จนทางการเมือง (5) จนการศึกษา (6) จนทางวัฒนธรรม และ (7) จนทางจิตวิญญาณ ไร้สิ่งยึดมั่นทางจิตใจ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม และนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จากรายงานการวิจัยของอุทัย อันพิมพ์ (2554) พบว่าการที่เกษตรกรไม่สามารถที่จะรักษาอาชีพของตนให้อยู่ได้นั้นเนื่องมาจากความรู้ไม่พอใช้ เพราะในการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการฟาร์มในลักษณะทำตามกันมา เกษตรกรไม่ได้ศึกษาองค์ความรู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบในการทำฟาร์มอย่างรอบด้านและไม่ครอบคลุมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างรอบด้าน จึงนับว่าเป็นความล้มเหลวของการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย แต่ก็มีอยู่บ้างที่ประสบความสำเร็จ แต่อยู่ในระดับที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมของประเทศ และเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะเป็นเกษตรกรที่มีฐานะอยู่ในระดับปานกลางที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ขึ้นไป ในขณะที่เกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนับได้ว่าเป็นเกษตรกรในระดับรากหญ้าที่มีฐานะไม่ค่อยจะสู้ดีนัก (ยากจน) ในสังคม ที่จะต้องต้องหาเช้ากินค่ำ และประกอบอาชีพการเกษตรมาอย่างยาวนาน กลับพบว่ายิ่งทำการเกษตรมากเท่าใดก็ยิ่งมีความยากจนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เกษตรกรไม่สามารถเลี้ยงตนเอง และครอบครัวได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นภาพที่เห็นตามสื่อต่างๆ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน
จากรายงานของการวิจัยของนายแพทย์อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร, (2549) ซึ่งร่วมทำงานกับเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน และอุทัย อันพิมพ์, (2550) พบตรงกันว่า จากแนวทางการพัฒนาอาชีพการเกษตรที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นการผลิตแบบเชิงเดี่ยว เน้นการผลิตที่มุ่งหวังผลผลิต และกำไรมากๆ ได้ส่งผลให้เกษตรกรขาดความมั่นคงในชีวิต รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย สุดท้ายจึงทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และผลที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาอีกประการหนึ่งคือ กระบวนการส่งเสริมของภาครัฐ ที่พยายามให้ทั้งความรู้ทางวิชาการ และปัจจัยการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งส่งผลระยะยาวแบบซึมซับ สุดท้ายเกษตรกรจึงขาดความเชื่อมั่นในตนเองทั้งด้านความรู้วิชาการและภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ตนเองสั่งสมมาจากบรรพบุรุษ และประสบการณ์ จากสภาพปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับสังคมอาชีพเกษตรกรรม เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน จึงมีความเห็นว่าแนวทางที่จะทำให้อาชีพเกษตรกรรมนั้นสามารถดำรงอยู่ และสามารถเลี้ยงตนเอง และครอบครัวให้มีความสุขได้คือเกษตรกรจะต้องหันมาทำ “เกษตรประณีต” ที่อุทัย, (2550) ได้ให้ความหมายว่า “เกษตรประณีตเป็นกระบวนการเรียนรู้ในการทำเกษตรผสม โดยเริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ ก่อน เมื่อมีความรู้และความชำนาญแล้ว จึงขยายพื้นที่ให้มากขึ้น ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพของตนและครอบครัว” ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถที่จะทำให้เกษตรกรมีความยั่งยืนในอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับ ศ.เสน่ห์ จามริก. (2541) ได้กล่าวว่าในการศึกษาชุมชนชนบท หรือการที่คนในชนบทจะสามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุขนั้นจะต้องประกอบด้วย 3 มิติ ได้คือ มิติที่ 1 ต้นทุนชีวิต เอาไว้เป็นฐาน พวกธรรมชาติ พวกดิน แหล่งน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ ฯลฯ ที่ใช้เป็นต้นทุนชีวิตเนื่องจากซื้อขายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนหนึ่งจะตกเป็นเหยื่อของอีกคนหนึ่ง เราต้องสร้างความเข้าใจ สร้างความสำนึกให้จงได้ เราจะจัดการการเรียนรู้อย่างไร มิติที่ 2 ดุลยภาพชีวิต ต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน สุขภาพอนามัย ครอบครัว สภาพแวดล้อม ชนบทมีความสบายเรื่องอาหาร แต่ต้องมีการพัฒนาสิ่งนี้ให้ถูกสุขลักษณะสมัยใหม่ ความรู้วิทยาศาสตร์เบื้องต้นต้องรู้ และมิติที่ 3 การพัฒนาชีวิต และสังคมไปกับกระแสของโลกภายนอก คือกระแสการพัฒนาชนบท ซึ่งได้แก่ เรื่องของการแปรรูป เพิ่มมูลค่าการออม กองทุนชุมชน และเศรษฐกิจท้องถิ่น ฯลฯ วัฒนธรรมการเรียนรู้ มีแกนกลางคือ คน ครอบครัว และชุมชน
ดังนั้น คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในฐานะที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนด้านบริหารศาสตร์ และเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีประณิธานที่ว่า “คณะบริหารศาสตร์ รวมทุกศาสตร์ด้านการบริหาร” จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกันในการจัดการเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการฟาร์มเกษตรประณีต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อันจะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ การบริหารจัดการในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้มีความยั่งยืนต่อไป
|
|
วัตถุประสงค์ | |
กลุ่มเป้าหมาย |
|
เป็นเยาวชน เกษตรกร นักเรียน บ้านโพธิ์ตก อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และเกษตรกรพื้นที่ใกล้เคียงที่ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต |
|
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
1. การบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการบริหารจัดการฟาร์มเกษตรประณีตของเกษตรกรกลุ่่มเป้าหมาย
2. สาธิตและฝึกปฏิบัติ เกี่ยวกับอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
3. กิจกรรมศึกษาดูงาน
4. กิจกรรมด้านการสร้างเครือข่ายเกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง |
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.สร้างความคุ้นเคยกับชุมชน | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | ||
2.เก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชน | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 2,000.00 | |
3.ประสานงานกลุ่มเป้าหมายและอบรมให้ความรู้ | - | - | - | - | - | - | - | - | 48,000.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
09.00-12.00 | หลักการ แนวคิด และเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการทำเกษตรประณีตเกษตรประณีต และการประยุกต์ใช้ในการประกอบอา | ดร.อุทัย อันพิมพ์ | |
13.00-16.00 | การบริหารจัดการฟาร์มเกษตรประณีต : แนวทางการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (การเพิ่มผลผลิตเห็ด และข้าว) การจัด | ดร.อุทัย อันพิมพ์ และดร.ธรรมวิมล สุขเสริม | |
09.00-12.00 | การจัดการความรู้ด้านบัญชีเพื่อการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืน การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เกษตรประณีต ตามแน | อ.รินทร์ลภัส ผศ.นภาพร และ อ.จริยา | |
13.00-16.00 | กรณีศึกษาการทำเกษตรประณีต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง | ดร.อุทัย อันพิมพ์ และคณะ |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 50,000.00 บาท
|