แบบเสนอโครงการบริการวิชาการแก่สังคม ประจำปีงบประมาณ 2559
คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ชื่อโครงการ การพัฒนาสินค้าชุมชนอย่างครบวงจรเพื่อยกระดับสินค้าคุณภาพเชิงพาณิชย์วิสาหกิจชุมชน บ้านใหม่สารภี อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ต่อเนื่อง ระยะที่ 5
ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ
ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย
มาตรการ : สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน หน่วยงานของรัฐ ตลอดจนภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม
นโยบาย : การให้บริการวิชาการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งหรือการเรียนรู้แก่ชุมชน / สังคม / กลุ่มวิชาชีพ
ผู้รับผิดชอบ
ชื่อ - สกุล
คุณวุฒิ
ประสบการณ์
ตำแหน่ง/ความรับผิดชอบในโครงการ
ดร.สุมาลี เงยวิจิตร คุณวุฒิ : ปริญญาเอก
สาขา : บริหารธุรกิจ
ประสบการณ์ : สอนสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
ความเชี่ยวชาญ : Supply Chain & Logistics International Business Import/Export Management
หัวหน้าโครงการ
ดร.อุทัย อันพิมพ์ คุณวุฒิ : ปริญญาเอก
สาขา : วท.บ. เทคโนโลยีการเกษตร ศศ.ม. พัฒนาสังคม ปรด.พัฒนบูรณาการศาสตร์
ประสบการณ์ : ด้านการเลี้ยงโคนมและการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ด้านการขยายพันธุ์พืช ด้านการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ด้านการผลิตเห็ดเศรษฐกิจ ด้านการจัดการความรู้เกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการปลูกป่าปลูกเห็ดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการจัดการการผลิตและการสุขาภิบาลฟาร์มห็ดครบวงจร ด้านการวางแผนและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
ความเชี่ยวชาญ : การบริหารจัดการระบบการเกษตร การจัดการความรู้เกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การปลูกป่าปลูกเห็ดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การจัดการการผลิตและการสุขาภิบาลฟาร์มห็ดครบวงจร
ผู้ร่วมโครงการ
นางสาวอรุณี มะฎารัก คุณวุฒิ : ปริญญาโท
สาขา : วิทยาการคอมพิวเตอร์
ประสบการณ์ : 2551- ปัจจุบันอาจารย์คณะบริหารศาสตร์
ความเชี่ยวชาญ : ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ การวิเคราะห์และออกแบบฐานข้อมูล
ผู้ร่วมโครงการ

หลักการและเหตุผล
การพัฒนาประเทศตามแนวทางเศรษฐกิจเสรีนิยมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดการฟาร์มของเกษตรรายย่อยเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากสภาวการณ์การเป็นหนี้ของเกษตรกรนับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกษตรกรละทิ้งอาชีพเกษตรกรรมหันไปรับจ้างในเมืองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตตกต่ำ ขายไม่ได้ราคา จึงทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ส่งผลให้กับเกษตรกรรายย่อยประสบกับความยากจน และนับวันที่จะแผ่ขยายในวงกว้างทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งทางด้านจิตลักษณะโดยมีองค์ประกอบ 7 ประการ ได้แก่ (1) จนเงิน (2) จนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) จนทางสังคม (4) จนทางการเมือง (5) จนการศึกษา (6) จนทางวัฒนธรรม และ (7) จนทางจิตวิญญาณ ไร้สิ่งยึดมั่นทางจิตใจ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม และนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานการวิจัยของอุทัย อันพิมพ์ (2554) พบว่าการที่เกษตรกรไม่สามารถที่จะรักษาอาชีพของตนให้อยู่ได้นั้นเนื่องมาจากความรู้ไม่พอใช้ เพราะในการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการฟาร์มในลักษณะทำตามกันมา เกษตรกรไม่ได้ศึกษาองค์ความรู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบในการทำฟาร์มอย่างรอบด้านและไม่ครอบคลุมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างรอบด้าน จึงนับว่าเป็นความล้มเหลวของการทำฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย แต่ก็มีอยู่บ้างที่ประสบความสำเร็จ แต่อยู่ในระดับที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมของประเทศ และเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะเป็นเกษตรกรที่มีฐานะอยู่ในระดับปานกลางที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ขึ้นไป ในขณะที่เกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนับได้ว่าเป็นเกษตรกรในระดับรากหญ้าที่มีฐานะไม่ค่อยจะสู้ดีนัก (ยากจน) ในสังคม ที่จะต้องต้องหาเช้ากินค่ำ และประกอบอาชีพการเกษตรมาอย่างยาวนาน กลับพบว่ายิ่งทำการเกษตรมากเท่าใดก็ยิ่งมีความยากจนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เกษตรกรไม่สามารถเลี้ยงตนเอง และครอบครัวได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นภาพที่เห็นตามสื่อต่างๆ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน จากรายงานของการวิจัยของนายแพทย์อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร, (2549) ซึ่งร่วมทำงานกับเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน และอุทัย อันพิมพ์, (2550) พบตรงกันว่า จากแนวทางการพัฒนาอาชีพการเกษตรที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นการผลิตแบบเชิงเดี่ยว เน้นการผลิตที่มุ่งหวังผลผลิต และกำไรมากๆ ได้ส่งผลให้เกษตรกรขาดความมั่นคงในชีวิต รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย สุดท้ายจึงทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และผลที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาอีกประการหนึ่งคือ กระบวนการส่งเสริมของภาครัฐ ที่พยายามให้ทั้งความรู้ทางวิชาการ และปัจจัยการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งส่งผลระยะยาวแบบซึมซับ สุดท้ายเกษตรกรจึงขาดความเชื่อมั่นในตนเองทั้งด้านความรู้วิชาการและภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ตนเองสั่งสมมาจากบรรพบุรุษ และประสบการณ์ จากสภาพปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับสังคมอาชีพเกษตรกรรม เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน จึงมีความเห็นว่าแนวทางที่จะทำให้อาชีพเกษตรกรรมนั้นสามารถดำรงอยู่ และสามารถเลี้ยงตนเอง และครอบครัวให้มีความสุขได้คือเกษตรกรจะต้องหันมาทำ “เกษตรประณีต” ที่อุทัย, (2550) ได้ให้ความหมายว่า “เกษตรประณีตเป็นกระบวนการเรียนรู้ในการทำเกษตรผสม โดยเริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ ก่อน เมื่อมีความรู้และความชำนาญแล้ว จึงขยายพื้นที่ให้มากขึ้น ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพของตนและครอบครัว” ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถที่จะทำให้เกษตรกรมีความยั่งยืนในอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับ ศ.เสน่ห์ จามริก. (2541) ได้กล่าวว่าในการศึกษาชุมชนชนบท หรือการที่คนในชนบทจะสามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุขนั้นจะต้องประกอบด้วย 3 มิติ ได้คือ มิติที่ 1 ต้นทุนชีวิต เอาไว้เป็นฐาน พวกธรรมชาติ พวกดิน แหล่งน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ ฯลฯ ที่ใช้เป็นต้นทุนชีวิตเนื่องจากซื้อขายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนหนึ่งจะตกเป็นเหยื่อของอีกคนหนึ่ง เราต้องสร้างความเข้าใจ สร้างความสำนึกให้จงได้ เราจะจัดการการเรียนรู้อย่างไร มิติที่ 2 ดุลยภาพชีวิต ต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน สุขภาพอนามัย ครอบครัว สภาพแวดล้อม ชนบทมีความสบายเรื่องอาหาร แต่ต้องมีการพัฒนาสิ่งนี้ให้ถูกสุขลักษณะสมัยใหม่ ความรู้วิทยาศาสตร์เบื้องต้นต้องรู้ และมิติที่ 3 การพัฒนาชีวิต และสังคมไปกับกระแสของโลกภายนอก คือกระแสการพัฒนาชนบท ซึ่งได้แก่ เรื่องของการแปรรูป เพิ่มมูลค่าการออม กองทุนชุมชน และเศรษฐกิจท้องถิ่น ฯลฯ วัฒนธรรมการเรียนรู้ มีแกนกลางคือ คน ครอบครัว และชุมชน ดังนั้น คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในฐานะที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนด้านบริหารศาสตร์ และเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีประณิธานที่ว่า “คณะบริหารศาสตร์ รวมทุกศาสตร์ด้านการบริหาร” จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกันในการจัดการเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการการตลาดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อันจะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ การบริหาร

วัตถุประสงค์
1.1. เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการความรู้ด้านดารตลาดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชนต้นแบบเพื่อการพึ่งพาตนเอง 2. เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการบริหารจัดการในการวางแผนการผลิตการตลาด ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 3. เพื่อสร้างเครือข่ายการจัดการตลาดของเกษตรกรรายย่อย 4. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กับชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5. เพื่ออบรมองค์ความรู้ด้านการพัฒนาโปรแกรมสำหรับการจัดทำบัญชีครัวเรือนโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปอย่างง่าย 6. เพื่อศึกษาความต้องการเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการบริหารจัดการรายรับรายจ่ายในครัวเรือน 7. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการบริหารจัดการฟาร์มสำหรับเกษตรกรรายย่อย 8. เพื่อพัฒนาและสร้างเครือข่ายการทำฟาร์มสำหรับเกษตรกรรายย่อย

กลุ่มเป้าหมาย
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
เกษตรกรและชาวบ้าน บ้านท่าช้าง บ้านใหม่สารภี อ.สว่างวีรวงศ์ จ.อุบลราชธานี
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
40 คน

การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
1. กิจกรรมและวิธีดำเนินการ
อบรมเชิงปฏิบัติการ 1.หลักการ แนวคิด และเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการทำการตลาดกลางสินค้าเกษตรชุมชน และการประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง 2.หลักการคัดเลือกสินค้าเพื่อนำมาวางจำหน่ายในตลาดกลาง 3.หลักการการตั้งราคา และการจัดเรียงสินค้าเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ 4.แนวทางในการขนส่งสินค้าเกษตรสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ 5. ลงพื้นที่สัมภาษณ์ศึกษาข้อมูลของชุมชนและร่วมอภิปรายความเป็นไปได้ด้านการขยายสินค้าสู่ระบบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 6. อบรมการพัฒนาโปรแกรมอย่างง่าย 7.หลักการ แนวคิด และเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการทำเกษตรประณีตเกษตรประณีต และการประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง 8.การบริหารจัดการฟาร์มเกษตรประณีต : แนวทางการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (การเพิ่มผลผลิตเห็ด และข้าว) 9.การจัดการการตลาดเห็ดและสินค้าเกษตร 10.การจัดการความรู้ด้านบัญชีเพื่อการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืน 11.การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เกษตรประณีต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 12.กรณีศึกษาการทำเกษตรประณีต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

2. แผนการดำเนินงาน (ที่สัมพันธ์กับกิจกรรมดำเนินงาน)
กิจกรรม
2558
2559
รวมเงิน (บาท)
ไตรมาสที่ 1
ไตรมาสที่ 2
ไตรมาสที่ 3
ไตรมาสที่ 4
ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.
1. --- 120,000.00

ระยะเวลาการดำเนินการ
ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 - 30 กันยายน พ.ศ. 2559 รวมเวลา 271 วัน

ร่างกำหนดการดำเนินงาน
วัน/เดือน/ปี
เวลา
กิจกรรม / หัวข้อ
วิทยากร

ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ
ด้านเศรษฐกิจ : -1. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจในแนวคิด และเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการทำตลาดกลางตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มขึ้น 2. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ด้านการทำการตลาดไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพได้ 3. สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยกับประชาชนทั่วไป 4. ได้เครือข่ายการเรียนรู้การจัดการตลาดเกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในระดับชุมชน 5. กลุ่มเป้าหมายสามารถสร้างและใช้โปรแกรมอย่างง่ายในการจัดทำบัญชีครัวเรือน 6. ทราบข้อมูลความต้องการของชุมชนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 7. สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน 8. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจในแนวคิด และเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการทำเกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มขึ้น 9. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ด้านการทำเกษตรประณีตไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพได้ 10. สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยกับประชาชนทั่วไป 11. ได้เครือข่ายการเรียนรู้เกษตรประณีตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในระดับชุมชน
ด้านสังคม : -
ด้านสิ่งแวดล้อม : -
ด้านอื่นๆ : -

ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ
ตัวชี้วัด
หน่วย
ค่าเป้าหมาย
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
คน
40
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ
ร้อยละ
80
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ร้อยละ
80
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ
มากกว่าหรือเท่ากับ 1
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ
-

ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
แผนการใช้ประโยชน์จากการบริการวิชาการ
การใช้ประโยชน์ในการพัฒนานักศึกษา


การใช้ประโยชน์กับชุมชนหรือสังคม


แผนการบูรณาการกับการเรียนการสอน
แผนบูรณาการการเรียนการสอน
ลักษณะการบูรณาการ
ตัวชี้วัดความสำเร็จ
วิชา หลักการจัดการตลาด+การวิเคราะห์และออกแบบฐานข้อมูลเชิงธุรกิจ+การจัดการทรัพยากรมนุษย์
หลักสูตร การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ และ การจัดการสารสนเทศทางธุรกิจและการจัดการธุรกิจ
นักศึกษาชั้นปี : 2 - 4
การนำเนื้อหาของการบริการวิชาการเข้าสอดแทรกในสาระวิชาที่ทำการสอน นักศึกษาที่ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น และ สามารถสอบผ่าน ร้อยละ 80
การนำนักศึกษาออกพื้นที่เพื่อร่วมให้บริการวิชาการตามแผนงานที่กำหนด นำนักศึกษาเข้าร่วมอย่างน้อย 5 คน
การมอบหมายงานให้นักศึกษาทำโครงการจากปัญหาของการให้บริการวิชาการ การมอบหมายงานให้นักศึกษาทำโครงการจากปัญหาของการให้บริการวิชาการ

การติดตามและประเมินผล
รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานทุก 3 เดือน ให้คณะ และมหาวิทยาลัยทราบ ตามระบบที่มหาวิทยาลัยกำหนด

การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน
- ส่งรายงานผลการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์ตามรูปแบบที่มหาวิทยาลัยกำหนด ให้กับคณะและมหาวิทยาลัย จำนวน 1 ฉบับ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ
- ส่งรายงานทางการเงินให้กับคณะและมหาวิทยาลัย ภายใน 45 วัน นับจากวันที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ

รายละเอียดงบประมาณ
หมวดที่ 1 หมวดค่าตอบแทน ( รวม 29,940.00 บาท )
หัวข้อ 1.1 หมวดค่าตอบแทนวิทยากร ( รวม 21,600.00 บาท )
-วิทยากรภายนอก ( รวม 0.00 บาท )
-วิทยากรภายใน ( รวม 21,600.00 บาท )
1) จำนวน 2 วัน x จำนวน 6 ชม. x ชม.ละ 600.00 บาท x จำนวน 3 คน
=
21,600.00 บาท

หัวข้อ 1.2 ค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ( รวม 8,340.00 บาท )
-วันเวลาราชการ ( รวม 1,200.00 บาท )
1) จำนวน 2 วัน x จำนวน 4 ชม. x ชม.ละ 50.00 บาท x จำนวน 3 คน
=
1,200.00 บาท
-วันหยุดราชการ ( รวม 7,140.00 บาท )
1) จำนวน 5 วัน x จำนวน 7 ชม. x ชม.ละ 60.00 บาท x จำนวน 1 คน
=
2,100.00 บาท
2) จำนวน 3 วัน x จำนวน 7 ชม. x ชม.ละ 60.00 บาท x จำนวน 4 คน
=
5,040.00 บาท

หัวข้อ 1.3 ค่าตอบแทนอื่นๆ ( รวม 0.00 บาท )

หมวดที่ 2 หมวดค่าใช้สอย ( รวม 34,950.00 บาท )
หัวข้อ 2.1 ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ( รวม 0.00 บาท )
-ค่ายานพาหนะ ( รวม 0.00 บาท )
-ค่าที่พัก ( รวม 0.00 บาท )
-ค่าเบี้ยเลี้ยง ( รวม 0.00 บาท )

หัวข้อ 2.2 ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ( รวม 9,500.00 บาท )
1) จำนวน 4 มื้อ x มื้อละ 25.00 บาท x จำนวน 95 คน
=
9,500.00 บาท

หัวข้อ 2.3 ค่าอาหารกลางวัน/อาหารเย็น ( รวม 14,250.00 บาท )
1) จำนวน 2 มื้อ x มื้อละ 75.00 บาท x จำนวน 95 คน
=
14,250.00 บาท

หัวข้อ 2.4 ค่าจ้างเหมารถตู้ ( รวม 4,000.00 บาท )
- จำนวน 1 คัน x จำนวน 2 วัน x ราคา 2,000 บาท/คัน/วัน
=
4,000.00 บาท

หัวข้อ 2.5 ค่าจ้างเหมาปฏิบัติงาน ( รวม 0.00 บาท )

หัวข้อ 2.6 ค่าใช้สอยอื่นๆ ( รวม 7,200.00 บาท )
1) ค่าจ้างเหมาประมวลผลและพิมพ์รายงานพร้อมจัดทำรูปเล่ม
=
7,200.00 บาท

หมวดที่ 3 หมวดค่าวัสดุ ( รวม 39,810.00 บาท )
หัวข้อ 3.1 ค่าวัสดุทั่วไป ( รวม 37,310.00 บาท )
1) ค่าถ่ายเอกสาร
5,700 แผ่น x 0.50 บาท
=
2,850.00 บาท
2) ค่าวัสดุสำนักงาน (ตามจริง)
1,600.00 บาท
=
1,600.00 บาท
3) ค่าวัสดุโฆษณาประชาสัมพันธ์ (ตามจริง)
15,500.00 บาท
=
15,500.00 บาท
4) ค่าวัสดุฝึก
100 คน x 150.00 บาท
=
15,000.00 บาท
5) ค่าวัสดุเชื้อเพลิง (ตามจริง)
2,360.00 บาท
=
2,360.00 บาท

หัวข้อ 3.2 ค่าวัสดุอื่นๆ ( รวม 2,500.00 บาท )
1) วัสดุคอมพิวเตอร์
=
2,500.00 บาท

หมวดที่ 4 หมวดค่าสาธารณูปโภค ( รวม 0.00 บาท )

งบประมาณทั้งสิ้น 104,700.00 บาท