คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ โครงการการส่งเสริมความรู้และการบริหารจัดการที่ดินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
นางสาวจันทรา ธนะวัฒนาวงศ์ | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
ประสบการณ์ : หัวหน้าโครงการเงินงบประมาณแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2560
1. โครงการการส่งเสริมความรู้และการบริหารจัดการที่ดินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง
2. โครงการวันรัฐธรรมนูญกับสังคมการเมืองไทย ความเชี่ยวชาญ : รัฐศาสตร์ |
|||||||||||||||||
นางสาวเพียงกมล มานะรัตน์ | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : การปกครอง |
ประสบการณ์ : - ความเชี่ยวชาญ : การเมืองท้องถิ่น และ นโยบายสาธารณะ |
|||||||||||||||||
นางสาวปิยะมาศ ทัพมงคล | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : - |
ประสบการณ์ : - ความเชี่ยวชาญ : - |
|||||||||||||||||
นางสาวกิ่งกาญจน์ สำนวนเย็น | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครอง |
ประสบการณ์ : ความเชี่ยวชาญ : การเมืองภาคประชาชน |
|||||||||||||||||
นางสาวพิสมัย ศรีเนตร | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : |
ประสบการณ์ : ความเชี่ยวชาญ : |
หลักการและเหตุผล พลวัตของการพัฒนาประเทศในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 พ.ศ. 2501 การมุ่งพัฒนาสู่ความเป็นอุตสาหกรรมและการบริการ ได้นำไปสู่ประเด็นปัญหาที่สำคัญสำหรับประชาชนทั่วไปทั้งผู้อยู่อาศัยในเมืองและในชนบท ปัญหาการยื้อแย่งที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของผู้ที่อาศัยและทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ของเมืองและชนบท อันเนื่องมาจากการพัฒนาที่ผ่านมา ทำให้ภาคเกษตรกรรมประสบปัญหามูลค่าผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าต่ำ แม้ว่าประชากรมากกว่าร้อยละ 70 จะอยู่ในภาคการเกษตรแต่ผลผลิตมวลรวม (GDP) ไม่ถึงร้อยละ 10 (เครือข่ายวิชาการเพื่อการปฏิรูป,2013. ออนไลน์) ปัญหาการผลิตทำให้เกษตรกรบางส่วนขายที่ดินทำกินเพราะขาดทุนด้านการผลิตและภาวะหนี้สิน กลายเป็นคนไร้ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ต้องละทิ้งอาชีพเกษตรกรรมและมุ่งเข้าสู่การเป็นแรงงานในเมือง ขาดความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน
ขณะที่ปัญหาที่ดินในภาคชนบทที่เชื่อมโยงกับปัญหาที่ดินในเขตเมือง กระบวนการพัฒนาเมือง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมือง ทำให้กลุ่มชนชั้นนำและกลุ่มทุนผู้มีทรัพยากรทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองที่เหนือกว่าเข้ายึดครองพื้นที่เมือง ด้วยการ ช่วงชิงโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินทั้งที่เป็นที่ดินเอกชนและที่ดินสาธารณะของชุมชน ทั้งด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อการเก็งกำไรและเพื่อการประกอบกิจการเพื่อรองรับเมือง ขณะที่แรงงานจากชนบทที่อพยพเข้ามาเมืองก็มากระจุกตัวเป็นแรงงานในภาคเมืองโดยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพราะที่ดินมีราคาแพง ขณะที่การขยายตัวของหน่วยงานราชการเพื่อรองรับการให้บริการสาธารณะของเมือง ส่งผลต่อข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานรัฐกับชุมชน ในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ จึงเกิดสภาพเมืองที่ขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง แม้รัฐจะมีมาตรการควบคุมการใช้ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมือง แต่พลังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระจุกตัวในเมืองทำให้การวางผังเมืองไร้ผล
ในปัจจุบันปัญหาของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากที่ดินกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ที่ดูเหมือนจะหาทางแก้ไขได้อย่างยากลำบาก ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจที่ดินจึงกลายเป็นฐานปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ขณะที่รัฐเองก็ส่งเสริมการส่งเสริมการผลิตด้านเกษตรกรรรม
ด้วยสภาพปัญหาและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทำให้ชุมชนต้องตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา รูปแบบการบริหารจัดการที่ดินจึงเป็นไปตามเงื่อนไขของแนวทางการพัฒนาประเทศ อิทธิพลนักการเมืองและและนายทุน ซึ่งทำให้ชุมชนต้องกลายเป็นผู้รับผลกระทบถูกขับไล่จากพื้นที่และการใช้ประโยชน์ไม่ได้ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน ศูนย์กลางของการออกแบบการจัดการที่ดินจึงอยู่ที่รัฐส่วนกลางและอิทธิพลของทุนมากกว่าชุมชน แม้ว่ารัฐจะพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาการยื้อแย่งและการเหลื่อมล้ำในการถือครองและเข้าถึงที่ดิน แต่แนวทางที่กำหนดจากรัฐเองก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน การขาดการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าทำไมการแก้ปัญหาการจัดการที่ดินของรัฐจึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกพื้นที่ที่ตกอยู่ในกระแสของความบิดเบี้ยวของการใช้ประโยชน์ของที่ดินสำหรับการพัฒนา ในช่วงระยะเวลานับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520 – 2524) การมุ่งเน้นการเพิ่มการลงทุนหลังจากการก้าวเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย แนวทางการพัฒนาที่ถูกกำหนดไว้คือ กระจายความเจริญไปจากกรุงเทพมหานคร โดยการพัฒนาหัวเมืองหลักขึ้นในส่วนภูมิภาค มีการเร่งรัดการจัดทำแผนการใช้ที่ดินบริเวณรอบเมือง จัดทำผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะ มีการสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานของพื้นที่เมือง (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 2520 – 2524, 2558. ออนไลน์ ) ปัจจุบันพื้นที่ตำบลแจระแม นับเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้ประสบกับปัญหาของการบริหารจัดการที่ดิน ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวต้องถูกยื้อแย่งทั้งจากทุนและหน่วยงานราชการสำหรับการสร้างสถานประกอบการ โครงสร้างพื้นฐานและแหล่งราชการ ชุมชนถูกขับไล่ทั้งโดยยินยอมและไม่ยินยอม เพื่อเป็นพื้นที่รองรับ ปัญหาการออกแบบผังเมืองและการประกาศใช้ผังเมืองที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมยิ่งซ้ำเติมปัญหาการบริหารจัดการที่ดินที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งในภาคเมืองและภาคชนบทมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น การส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นได้รับความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินจึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยวางรากฐานความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนในการใช้และเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน ขณะที่การสร้างกลไกอย่างเช่นเครือข่ายบริหารจัดการที่ดินในชุมชน เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและยั่งยืนเกิดขึ้นได้ เป้าหมายสุดท้ายในการส่งเสริมการบริการวิชาการในครั้งนี้คือ การก่อให้เกิดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการที่ดินที่อาศัยชุมชนเป็นศูนย์กลางได้
|
|||
วัตถุประสงค์ | |||
กลุ่มเป้าหมาย |
|||
1 ระดับชุมชน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน เยาวชน และสมาชิกชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย
2 ระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3 ระดับหน่วยงานส่วนภูมิภาค ประกอบด้วยหน่วยงานที่ดูแลและจัดการเรื่องที่ดิน เช่น สำนักงานที่ดิน กรมที่ดิน กรมเจ้าท่า ฯลฯ
4 อื่นๆ เช่น สื่อมวลชนท้องถิ่น โรงเรียนและสถาบันการศึกษา
5 ชุมชนในตำบลแจระแม อำเภอเมือง,ตำบลโพธิ์ใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี |
|||
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
1.การจัดการอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการที่ดินโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
2.การเตรียมความพร้อมเพื่อการจัดตั้งเครือข่ายการบริหารจัดการที่ดินโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง |
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.ประชุมกำหนดหลักสูตรการอบรมการถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการที่ดินสู่ชุมชน และจัดตั้งคณะทำงานในระดับชุมชนและท้องถิ่น | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 60,980.00 | ||
2.สำรวจสภาพปัญหาการบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่เป้าหมาย | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | |
3.จัดการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของคณะทำงานในระดับชุมชน และถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการที่ดินโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 62,900.00 | ||
4.จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และจัดอบรมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการของเครือข่าย เพื่อเตรียมความในการจัดตั้งเครือข่ายการบริหารที่ดิน | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 72,620.00 | ||
5.ถอดบทเรียนกลไกการทำงานเครือข่ายที่ดิน/จัดทำชุดความรู้ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 173,500.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
09.00-16.30 น. | ประชุมกำหนดหลักสูตรการอบรมการถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการที่ดินสู่ชุมชน และจัดตั้งคณะทำงานในระดับชุ | ภายนอกและภายใน | |
09.00-16.30 น. | จัดการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของคณะทำงานในระดับชุมชน และถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการที่ดินโดยใช้ชุมชน | ภายนอกและภายใน | |
09.00-16.30 น. | จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และจัดอบรมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการของเครือข่าย เพื่อเตรียมความใ | ภายนอกและภายใน | |
09.00-16.30 น. | ถอดบทเรียนกลไกการทำงานเครือข่ายที่ดิน/จัดทำชุดความรู้ | ภายนอกและภายใน |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 370,000.00 บาท
|