คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ โครงการบริหารจัดการเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง : การออกแบบที่พักอาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย กรณีศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
นายกรกิฎ เหล่าสกุล | คุณวุฒิ : ปริญญาตรี สาขา : |
ประสบการณ์ : ความเชี่ยวชาญ : |
|||||||||
นายยง บุญอารีย์ | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : สถาปัตยกรรม |
ประสบการณ์ : สถาปนิก พ.ศ.2549-2557
อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อาจารย์ประจำ พ.ศ.2557 ความเชี่ยวชาญ : การออกแบบสถาปัตยกรรม |
|||||||||
นางสาวลลิดา บุญมี | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : สถาปัตยกรรม |
ประสบการณ์ : สถาปนิก พ.ศ.2550-ปัจจุบัน
อาจารย์ประจำ พ.ศ.2557 ความเชี่ยวชาญ : การออกแบบสถาปัตยกรรม |
หลักการและเหตุผล โครงการบริหารจัดการเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง : การออกแบบที่พักอาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย กรณีศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี
ความสำคัญของโครงการ/หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเดินไปสู่ความเป็นสังคมผู้สูงอายุ มนุษย์จะมีอายุยืนยาวขึ้นและต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ปัจจุบัน ประชากรโลกมีจำนวนกว่า 7,000 ล้านคน มีผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป จำนวน 893 ล้านคน หรือคิดเป็น 12.8% ในจำนวนนี้ มีผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปี มากถึง 340,000 คน และมีแนวโน้มว่า ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นอีกราว 200 ล้านคน ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า หมายความว่า ภายในปี พ.ศ.565 จำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกจะมีมากกว่า 1,000 ล้านคน
ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบาย ที่สำคัญประการหนึ่ง ในอันที่จะส่งเสริมสนับสนุน ให้ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพ และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข จึงได้มอบให้กรมประชาสงเคราะห์ จัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ที่เดือดร้อนมีความทุกข์ยาก ประสบปัญหาและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง กรมประชาสงเคราะห์จึงได้จัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค เป็นแห่งแรกในปี พ.ศ. 2496
ประชากรโลกจะมีผู้พิการมากขึ้น คนพิการ หรือคนที่จำเป็นต้องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโลกยุคปัจจุบัน และอนาคตจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะความพิการส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากพิการโดยกำเนิดแล้ว แต่เป็นความพิการที่มาจากความเจ็บไข้ได้ป่วย และอุบัติเหตุ รวมถึงความพิการที่มาจากสภาพความแก่ชรา
กฎหมายบังคับให้ทำในปัจจุบัน ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฯลฯ มีการออกกฎหมายบังคับให้สถานที่สาธารณะ และตึกอาคารต่างๆ จะต้องจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนทั้งมวล อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ในช่วง 15 ปีมานี้ ก็ได้มีกฎหมายหลายฉบับออกมามีผลบังคับใช้ ทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 ถึงฉบับปัจจุบัน กฎหมายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กฎกระทรวงมหาดไทย ปี 2548 และกฎกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ปี 2556 เป็นต้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ให้การออกแบบสร้างทำตึกอาคาร และสถานที่สาธารณะทุกแห่ง จะต้องมีอารยสถาปัตย์ คือ ต้องจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับผู้พิการ และผู้สูงอายุด้วยแล้วเช่นกัน
ความจำเป็นในการดำเนินโครงการ
เรื่องอารยสถาปัตย์ หรือ Universal Design เป็นภาษาสากล และกติกาสากลของโลกยุคปัจจุบัน และอนาคต ดังจะเห็นได้ว่าในทุกประเทศที่เจริญแล้วพัฒนาแล้ว แม้แต่ในบางประเทศที่กำลังพัฒนา ก็จะต้องมีสิ่งเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ “อารยสถาปัตย์” จึงเป็นเสมือนดัชนีชี้วัดความเจริญรุ่งเรืองของประเทศต่างๆ ในโลกยุคปัจจุบันได้อีกทางหนึ่ง ยิ่งตอนนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในอีก ไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เรายิ่งต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก เพราะถ้ายังไม่มีอารยสถาปัตย์ในการปรับปรุง และพัฒนาบ้านเมือง เราก็จะไม่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก เพราะนั่นเท่ากับว่าเราไม่ดูแลไม่ใส่ใจผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมถึงผู้ป่วยพักฟื้น ยังมีการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์
แนวคิดของ Universal Design นั้นเป็นแนวคิดที่ดีควรนํามาประยุกต์ใช้ในสังคมไทยใหญ่ มากขึ้น เพราะเป็นการเปิดกว้างให้ทุกภาคสวนสมาชิกทุกคนได้อยู่ร่วมกันและยอมรับกันและ กันทามกลางความหลากหลายที่มีอยูโดยมีความเชื่อพื้นฐานวามนุษย์ทุกคนในโลกนี้เกิดมาเป็นคน เหมือนกันสังคมสวนรวมมีหนาที่ตองดูแลรับผิดชอบให้สมาชิกทุกคนอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และเป็นสวนหนึ่งของชุมชนและสังคมสวนรวมได้อย่างเสมอภาคเทาเทียมกัน
|
|||
วัตถุประสงค์ | |||
กลุ่มเป้าหมาย |
|||
-ไม่มีข้อมูล |
|||
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
-ไม่มีข้อมูล |
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.ประชุมและวางแผนการดำเนินงาน | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | |||
2.ลงพื้นที่เก็บข้อมูล | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | |||
3.ดำเนินโครงการ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | |||
4.สรุปผลและรายงานผลการดำเนินงาน | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 104,600.00 บาท
|