คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ การจัดการขยะมูลฝอยระดับครัวเรือนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ วังไพศาล | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : วิศวกรรมโยธา |
ประสบการณ์ : - ความเชี่ยวชาญ : วัสดุกันซึมในระบบฝังกลบ วิศวกรรมการประปา |
หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันประเทศไทยยังคงประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการแพร่กระจายของมลพิษที่มาจากขยะมูลฝอย กากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และน้ำเสีย ทำให้เกิดการปนเปื้อนของมลพิษในดิน แหล่งน้ำผิวดิน และแหล่งน้ำใต้ดิน สำหรับขยะมูลฝอยนั้น กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าในปี พ.ศ.2546 ประเทศไทยผลิตขยะมูลฝอยทั้งหมดประมาณ 14.4 ล้านตัน หรือเฉลี่ยวันละ 39,240 ตัน จากปริมาณขยะมูลฝอยทั้งหมดในประเทศ ได้มีการกำจัดอย่างถูกวิธีเพียงร้อยละ 35 เท่านั้น
จากการสำรวจข้อมูลในชุมชน ในโครงการวิจัยการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยข้าวสารเพื่อแก้ปัญหาความยากจน พบว่าชุมชนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในเขตการให้บริการจัดเก็บและการกำจัดขยะมูลฝอยโดยหน่วยงานในท้องถิ่น จึงปรากฏอยู่ทั่วไปว่า มีขยะมูลฝอยกระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตชุมชน ทั้งในเขตทางสาธารณะและในบริเวณโดยรอบบ้านเรือน ทำให้ชุมชนขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม (ดังตัวอย่างในรูปที่ 1) ประชาชนบางส่วนกำจัดขยะมูลฝอยด้วยตนเอง โดยไม่มีการแยกกำจัดขยะอินทรีย์และขยะอันตราย ใช้วิธีการกำจัดโดยการฝัง การเผากลางแจ้ง หรือกองทิ้งในเขตที่ดินของตน วิธีการกำจัดอย่างไม่ถูกวิธีทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ การปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อม การปนเปื้อนต่อน้ำใต้ดิน การแพร่กระจายของเชื้อโรค สิ่งเหล่านี้ส่งผลร้ายกลับมายังประชาชนในชุมชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนในชุมชนนั้นๆ ส่งผลให้มีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพลดลง และอาจเกี่ยวโยงไปถึงปัญหาความยากจนของประชาชนในชุมชนได้
รูปที่ 1 การทิ้งขยะมูลฝอยในเขตชุมชนทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชน
ในการจัดประชุมกลุ่มในชุมชนและการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิจัยในหมู่บ้านนำร่อง 6 หมู่บ้านที่อยู่บริเวณต้นน้ำของลุ่มน้ำห้วยข้าวสาร โดยโครงการวิจัยการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยข้าวสารเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ระหว่างปี พ.ศ.2549 ถึง 2552 พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ การทำนา การปลูกพืชหลังนา เช่น ปลูกพริก ฟักทอง แตงกวา แตงโม ข้าวโพด และผักสวนครัว ซึ่งมีการใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช และปุ๋ยเคมีในปริมาณสูง การใช้สารเคมีอันตรายเหล่านี้ ไม่ได้มีการป้องกันอย่างถูกวิธีด้วยเครื่องป้องกัน ทั้งๆ ที่ทราบว่ามีอันตรายต่อสุขภาพ ขวดหรือซองบรรจุสารเคมีที่ใช้ก็ไม่ได้มีการกำจัดอย่างถูกวิธี เมื่อใช้หมดที่ไหนก็ทิ้งในบริเวณนั้นเลย บางครั้งสามารถพบเห็นขวดหรือซองเหล่านั้นในที่นาหรือตามลำห้วยธรรมชาติ ซึ่งพบว่าทุกๆ หมู่บ้านมีสภาพปัญหาคล้ายคลึงกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ มีผู้ให้ข้อมูลว่า ไม่กล้าบริโภคน้ำจากแหล่งน้ำที่เป็นบ่อน้ำตื้นในพื้นที่หมู่บ้านของตน เนื่องจากเกรงว่ามีการสะสมของปริมาณสารพิษปนเปื้อนในน้ำมาก
2. ข้อมูลจากการสำรวจด้านสุขภาพของประชาชน ที่ได้สุ่มตรวจหาปริมาณสารพิษตกค้างในร่างกายของเกษตรกรในพื้นที่ศึกษานำร่อง พบว่า มีเกษตรกรจำนวนมากที่มีปริมาณสารพิษตกค้างในร่างกายอยู่ในระดับสูง จากจำนวนผู้รับการตรวจ 119 คน พบว่าผู้มีสารพิษตกค้างอยู่ในระดับความเสี่ยงมีจำนวนร้อยละ 53 และผู้มีสารพิษตกค้างอยู่ในระดับอันตรายมีจำนวนร้อยละ 11 ของจำนวนผู้ได้รับการตรวจทั้งหมด สาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดวามตระหนักถึงพิษภัยจากสารเคมีอันตรายเหล่านั้น
จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับขยะมูลฝอยในชุมชนและขยะอันตรายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไข วิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้คือ การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ด้วยการเริ่มต้นจากการเตรียมความพร้อมของประชาชนในระดับครัวเรือนให้มีศักยภาพในการแก้ปัญหา โดยสามารถเริ่มจากเยาวชนและผู้ปกครองของเยาวชนในแต่ละครัวเรือน ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดการขยะมูลฝอยที่ตนผลิตขึ้น ให้รู้จักวิธีการลดปริมาณการผลิตขยะมูลฝอยด้วยการนำกลับไปใช้ใหม่ การคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำวัสดุที่มีมูลค่าไปขายได้ การนำเศษอาหารไปทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เป็นต้น ส่วนขยะมูลฝอยที่เป็นอันตรายก็ควรได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี
ดังนั้น การเผยแพร่ความรู้ด้านการจัดการขยะมูลฝอยในระดับครัวเรือนซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดของชุมชน เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับขยะมูลฝอยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยอาศัยกระบวนการถ่ายทอดความรู้ การฝึกปฎิบัติ การสาธิต การแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ และการทัศนศึกษา เป็นต้น
|
|||
วัตถุประสงค์ | |||
กลุ่มเป้าหมาย |
|||
การดำเนินงานโครงการ การจัดการขยะมูลฝอยระดับครัวเรือนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นการดำเนินโครงการเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของชุมชน ซึ่งเป็นโจทย์ปัญหาที่ได้จากโครงการวิจัย การพัฒนาลุ่มน้ำห้วยข้าวสารเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ที่ดำเนินงานโดยนักวิจัยจากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในคราวจัดประชุมกลุ่มเพื่อรวบรวมสภาพปัญหาจากชุมชนในหมู่บ้านนำร่อง 6 หมู่บ้าน การดำเนินงานโครงการนี้จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นส่วนเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายมีความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเพื่อชุมชนและคนจนเป็นสำคัญ รวมทั้งมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายเพื่อความร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของโครงการ ประกอบด้วย นักเรียนและเยาวชน ในหมู่บ้านนำร่องของโครงการวิจัยการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยข้าวสารเพื่อแก้ปัญหาความยากจน คือ โรงเรียนบ้านคุ้ม ตำบลโคกสว่าง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งสิ้น 30 คน และผู้ปกครองของนักเรียนที่สนใจร่วมกิจกรรม อย่างไรก็ตาม โครงการนี้สามารถขยายผลสู่ชุมชนอื่นๆ ที่มีสภาพปัญหาเช่นเดียวกันได้ โดยการปรับรูปแบบและรายละเอียดการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน และดำเนินงานในปีต่อๆ ไปได้ |
|||
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
ลักษณะการดำเนินงานหลัก เป็นการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ จากองค์ความรู้ที่มีอยู่และจากตัวอย่างการปฏิบัติจริงที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของตนในการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในชุมชน โดยเริ่มปฏิบัติที่ตนเองและภายในครอบครัว ซึ่งจะเป็นตัวอย่างแก่ครอบครัวอื่นๆ ในชุมชนและชุมชนข้างเคียงได้
การถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการจะเน้นเรื่องที่ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน เช่น ปริมาณขยะมูลฝอยที่แต่ละครัวเรือนผลิตขึ้นต่อวัน การจำแนกองค์ประกอบของขยะมูลฝอยในครัวเรือนของตน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการหาวิธีการลดปริมาณ วิธีการกำจัดและการใช้ประโยชน์ขยะที่เหมาะสมกับประเภทของขยะมูลฝอยที่ตนผลิตขึ้น เช่น การแยกขยะเพื่อการรีไซเคิลหรือสำหรับขาย การแยกกำจัดขยะโดยการทำปุ๋ยหมัก การแยกกำจัดขยะอันตราย เช่น แบตเตอรี่ ขวดยาฆ่าแมลง เป็นต้น
การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จะเป็นการนำเสนอตัวอย่างโครงการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนขยะและของเสีย ดำเนินงานโดยงานบำบัดน้ำเสียและขยะมูลฝอย กองบริหารกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งดำเนินการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ลักษณะของโครงการเป็นการคัดแยกขยะเพื่อนำมาแลกแลกของใช้พื้นฐานในครัวเรือน เช่น อาหารแห้ง อุปกรณ์ เครื่องใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน และการทัศนศึกษาระบบกำจัดขยะมูลฝอยด้วยการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ของเทศบาลเมืองวารินชำราบ ตั้งอยู่ที่ บ้านดอนผอุง ตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มใช้งาน พ.ศ. 2543 มีขนาดพื้นที่กำจัดขยะมูลฝอยประมาณ 180 ไร่ เป็นการฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักสุขาภิบาล มีองค์ประกอบหลักในการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ชั้นกันซึม การปิดกลบรายวัน ระบบบำบัดน้ำเสียที่ครบถ้วนตามหลักวิชาการ ปัจจุบันให้บริการรับกำจัดขยะมูลฝอยแก่ เทศบาลนครอุบลราชธานี องค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงภาคเอกชน
แผนการดำเนินงานแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ช่วงเตรียมการ
1. ประสานงานกับ โรงเรียน และผู้นำชุมชน เพื่อชี้แจงและร่วมกันเตรียมโครงการ
2. ประชาสัมพันธ์รายละเอียดโครงการสู่กลุ่มเป้าหมาย และรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ
3. ประสานงานคณะดำเนินงาน วิทยากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมกิจกรรมโดยละเอียด เตรียมวัสดุอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมและทัศนศึกษา
ช่วงดำเนินการอบรม
ดำเนินงานฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้ และทัศนศึกษา รวมระยะเวลาการอบรม 3 วัน
ช่วงสรุปและติดตามผล
1. ติดตามความสัมฤทธ์ผลของโครงการ โดยการเยี่ยมชม สัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมโครงการ
2. ประเมินผลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ พร้อมนำเสนอปัญหาอุปสรรค เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป
3. สรุป และรายงานผลการดำเนินงาน
4. ขยายผลการดำเนินงาน และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเรียนการสอนหรืองานวิจัยเพื่อชุมชนต่อไป
|
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.ช่วงเตรียมการ (ประสานงาน) | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 3,000.00 | |
2.ช่วงดำเนินการอบรม | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 66,000.00 | ||
3.ช่วงสรุปและติดตามผล รายงานผล | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 3,000.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
09:00-12:00 | • ประเมินความรู้ก่อนอบรม • ระดมความคิดเห็น ปัญหาขยะมูลฝอยต่อสิ่งแวดล้อม • สำรวจสภาพปัญหาภายในช | ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ วังไพศาล | |
13:00-16:00 | • เสนอแนวทางแก้ปัญหาขยะมูลฝอยในชุมชน • บรรยายความรู้เกี่ยวกับขยะอันตราย ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนและป | ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ วังไพศาล | |
09:00-12:00 | • บรรยายเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ โครงการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนขยะมูลฝอยและของเสีย ของมหา | นายนุกูล มงคล | |
13:00-16:00 | • สาธิตการทำปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์ในครัวเรือน • สำรวจปริมาณขยะมูลฝอยในครัวเรือน การจำแนกองค์ประกอบข | นางสาวดาวพร นาวาบุญนิยม | |
09:00-12:00 | • ทัศนศึกษาสถานที่ฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ของเทศบาลเมืองวารินชำราบ (ผู้ปกครองนักเรียนหร | กองช่างสุขาภิบาล เทศบาลเมืองวารินชำราบ | |
13:00-16:00 | • สรุปและประเมินผล | ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ วังไพศาล |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 62,880.00 บาท
|