คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ นวัตกรรมสังคมกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะโครงการ การฝึกอบรม อบรมเชิงปฏิบัติการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
นางสาวพิสมัย ศรีเนตร | คุณวุฒิ : ปริญญาโท สาขา : ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) สาขาวิชารัฐศาสตร์ |
ประสบการณ์ : หัวหน้าโครงการบริการวิชาการ ประจำปีงบประมาณ 2559 โครงการเพิ่มขีดความสามารถชุมชนและสร้างกลไกความร่วมมือในการจัดการภัยพิบัติ ความเชี่ยวชาญ : |
หลักการและเหตุผล ปัญหาภัยพิบัติเป็นความท้าทายต่อการบริหารจัดการของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ภัยพิบัติจะเพิ่มความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อชุมชนมากขึ้น โดยเฉพาะภัยพิบัติน้ำท่วมและภัยแล้ง การจัดการภัยพิบัติที่ผ่านมาของประเทศไทยเป็นลักษณะการตั้งรับและบรรเทาเหตุการณ์คือ การให้ความช่วยเหลือและเยียวยาพื้นที่ประสบภัยในด้านต่าง ๆ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นแล้ว ภัยพิบัติจึงส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดการภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ มีการเตรียมความพร้อมชุมชนไม่ว่าจะเป็นการประเมินความเสี่ยงการเสริมสร้างศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถชุมชนเพื่อลดความเสี่ยงจะสามารถช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติได้
การสร้างหรือการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนเพื่อลดความเสี่ยงต่อภัยพิบัติเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาแก้ปัญหาให้กับชุมชนพื้นที่เสี่ยงภัย โดยการใช้นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่เช่น การใช้เกมส์และสื่อการสอนเกี่ยวกับภัยพิบัติการมีระบบเตือนภัยที่รวดเร็วการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพการสร้างอาคารที่เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมซ้ำซาก การปรับกิจกรรมหรือปฏิทินการเพาะปลูกและการผลิตให้เข้ากับสภาพน้ำแล้งหรือน้าท่วมเป็นต้น ล้วนแต่เป็นการคิดค้นวิธีการใหม่ๆเพื่อทำให้ชุมชน ประชาชนเกิดความตระหนักและมีความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติและความเสี่ยง (knowledge & information) ช่วยให้ชุมชนเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติได้ดีขึ้น (preparedness) ทำให้ชุมชนมีการปรับตัวอยู่กับภัยพิบัติได้ (adaptation) หรือช่วยให้สามารถฟื้นตัวหลังเกิดภัยพิบัติได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น (resilience)
จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่หนึ่งที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง รุนแรงเกือบทุกปี ในกรณีภัยพิบัติน้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่หลายครั้งคือใน ปี พ.ศ.2521, 2545 ทำให้เกิดการตื่นตัวของทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยน้ำท่วม โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทั้งในระดับส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2554 จังหวัดอุบลราชธานีได้เผชิญกับภัยน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนในวงกว้างและเป็นระยะเวลานาน แม้จะมีระบบการพยากรณ์และเตือนภัยน้ำท่วมของหน่วยงานด้านการเตือนภัยให้ทราบเป็นระยะ แต่พบว่ามีข้อจำกัดและข้อมูลเหล่านี้เข้าไม่ถึงประชาชนทุกกลุ่มมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีในฐานะสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในท้องถิ่น ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาของชุมชน และได้มีการวิจัยและการพัฒนาความรู้ด้านภัยพิบัติมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2543 และหลังจากภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่จังหวัดอุบลราชธานีปี 2554 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัย ชุดภัยพิบัติ จำนวน 5 โครงการ ในพื้นที่อำเภอวารินชำราบ ได้แก่ ชุมชนบ้านท่างอย ตำบลบุ่งหวาย ชุมชนบ้านช่างหม้อ ตำบลคำน้ำแซบ ชุมชน 14 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบชุมชนหาดสวนยาเทศบาลเมืองวารินชำราบและชุมชนในเขตอำเภอเมือง ได้แก่ ชุมชนในตำบลทัพไทย ต.แจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งผลจากการสังเคราะห์องค์ความรู้จากการวิจัย พบว่า หลักการที่สำคัญที่สุดที่สามารถทำให้การจัดการภัยพิบัติมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายใต้การบริหารจัดการที่ดี ทั้งภาครัฐ (public sector) ภาคธุรกิจเอกชน (private sector) และภาคประชาสังคม (civil society) เรียนรู้จากประสบการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอดีต การจัดทำแผนป้องกันและจัดการบนพื้นฐานข้อมูลของเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ผ่านมา
จากฐานข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติทั้งในระดับชุมชนและองค์กรดังกล่าว มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยคณะรัฐศาสตร์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของชุมชนในฐานะตัวแสดงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ เนื่องจากการคาดหวังความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีและทั่วถึงในขณะเกิดภัยพิบัติ จากภาครัฐหรือหน่วยงานภายนอก เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากยิ่ง จึงได้ดำเนินโครงการบริการวิชาการแก่ชุมชนด้านการจัดการภัยพิบัติมาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติในปีพ.ศ.2560 ได้มีการต่อยอดและขยายผลโครงการ โดยสร้างกลไกความร่วมมือ ขยายเครือข่าย และเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการภัยพิบัติให้กับชุมชนในชุมชนประสบภัยน้ำท่วมในเขตอำเภอเมือง อำเภอวารินชำราบ อำเภอนาเยีย และตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งโครงการดังกล่าวช่วยยกระดับการเตรียมความพร้อมและการเรียนรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติให้ประชาชนและชุมชน ช่วยให้ชุมชนสามารถเป็นศูนย์กลางในการจัดการและแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยตนเอง นอกจากนี้การดำเนินโครงการยังเป็นการสร้างพื้นที่ให้ชุมชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติระหว่างชุมชนอีกทางหนึ่ง
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน และพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการภัยพิบัติให้แก่ประชาชนและชุมชนอย่างต่อเนื่องและในวงกว้างมากขึ้นทั้งยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งเชิงวิชาการด้านการจัดการภัยพิบัติและการให้บริการวิชาการแก่ชุมชนรวมถึงการสนับสนุนให้ชุมชนเพิ่มขีดความสามารถในการลดความเสี่ยง มีการเตรียมความพร้อมและมีการจัดการภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจึงได้ต่อยอดการบริการวิชาการแก่ชุมชนด้านการจัดการภัยพิบัติในปีงบประมาณพ.ศ. 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนค้นหาหรือคิดค้นนวัตกรรมเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติ และสนับสนุนการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เพื่อลดความเสี่ยง เตรียมความพร้อม การรับมือหรือการฟื้นฟูจากภัยพิบัติได้ดียิ่งขึ้น
|
||
วัตถุประสงค์ | ||
กลุ่มเป้าหมาย |
||
1. ระดับชุมชน ประกอบด้วย แกนนำชุมชน ผู้นำชุมชน คณะกรรมการชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ เยาวชนและประชาชนทั่วไป
2. ระดับองค์กร ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านที่ดินและนักวิชาการที่สนใจ
|
||
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
1จัดอบรมเชิงปฏิบัติการค้นหานวัตกรรม
2.จัดเวทีเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์
3.ถอดบทเรียนกลไกการทำงาน |
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.ประชุมกำหนดรูปแบบกิจกรรม และออกแบบเครื่องมือในการค้นหานวัตกรรมชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 | |
2.จัดเวทีชี้แจงโครงการ และกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างทีมวิชาการ ชุมชนองค์กรปกครองท้องถิ่น และองค์กรภาคีเครือข่ายภายนอก | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 55,100.00 | |
3.จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียน/ค้นหานวัตกรรมชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 75,800.00 | |
4.กิจกรรมเก็บข้อมูลชุมชนเพื่อจัดทำชุดความรู้นวัตกรรมทางสังคมของชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ของจังหวัดอุบลราชธานี(บูรณาการกับการเรียนการสอน) | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 69,050.00 | |||
5.กิจกรรมส่งเสริมการนำนวัตกรรมทางสังคมไปสู่การปฏิบัติในชุมชนพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ (อบรมเชิงปฏิบัติการ) | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 118,100.00 | |
6.ถอดบทเรียนการทำงานของชุมชนและเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ/จัดทำแผนปฏิบัติการการดำเนินเครือข่าย | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 68,500.00 | |
7.เวทีสาธารณะเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมทางสังคมของชุมชนและเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ จังหวัดอุบลราชธานี | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 109,900.00 | |
8.จัดทำรายงานผลโครงการและเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 0.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
09.00-16.30 น. | จัดเวทีชี้แจงโครงการ และกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างทีมวิชาการ ชุมชนองค์กรปกครองท้องถิ่น และองค | วิทยากรภายนอก,ภายใน | |
09.00-16.30 น. | จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียน/ค้นหานวัตกรรมชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ | วิทยากรภายนอก,ภายใน | |
09.00-15.00 น. | กิจกรรมเก็บข้อมูลชุมชนเพื่อจัดทำชุดความรู้นวัตกรรมทางสังคมของชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ของจังหวั | วิทยากรภายนอก | |
09.00-16.30 น. | กิจกรรมส่งเสริมการนำนวัตกรรมทางสังคมไปสู่การปฏิบัติในชุมชนพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ (อบรมเชิงปฏิบัติการ | วิทยากรภายนอก,ภายใน | |
09.00-16.30 น. | ถอดบทเรียนการทำงานของชุมชนและเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ/จัดทำแผนปฏิบัติการการดำเนินเครือข่าย | วิทยากรภายนอก,ภายใน | |
09.00-16.30 น. | เวทีสาธารณะเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมทางสังคมของชุมชนและเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ จังหวัดอุบลราชธานี | วิทยากรภายนอก,ภายใน |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 496,450.00 บาท
|