การปลูก พืชแบบไม่ใช้ดิน หรือปลูกพืชไร้ดิน หรือ การปลูกพืชแบบไฮโดรโพนิกส์ ในปัจจุบัน กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากวิธีการนี้แก้ไขปัญหาอุปสรรคที่สำคัญของการปลูกพืชใช้ดินนั้นเอง การผลิตพืชโดยใช้พื้นที่ดินมาโดยตลอดทำให้เกิดปัญหาที่สำคัญคือการเสื่อมสภาพของดินไปตามกาลเวลาโดยขาดการบำรุงให้คงสภาพความสมบูรณ์ของปุ๋ยให้ครบทุกธาตุ รวมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีดิน ความเป็นกรดด่างดิน หรือความเป็นเกลือ ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ทำให้กระทบต่อประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยลดลง ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงตามราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นได้มีการนำความรู้เรื่องประสิทธิภาพของปุ๋ยเมื่อปลูกแบบไม่ใช้ดินและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ด้วยมีข้อดีหลายประการ ได้แก่ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่โดยไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ดิน ในสภาพโรงเรือนควบคุมสภาพแวดล้อมได้ ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชที่สัมผัสหรืออาศัยนิเวศน์ของดิน การทำลายวงจรชีวิตศัตรูพืช ในระยะต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่ระยะไข่อ่อน ตัวอ่อน ตัวแก่ เป็นต้น ทำให้สามารถผลิตพืชให้ปลอดภัยจากสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช และทำเป็นการค้าสามารถส่งผลผลิตทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ สามารถนำรายได้แก่ เกษตกรที่มีความสามารถผลิตแบบเกษตรอุตสากรรม ดังนั้น ผู้เข้ารับการอบรมหรือเกษตรกรสามารถควบคุมปุ๋ยชนิดปุ๋ย สัดส่วน สูตรปุ๋ยให้เหมาะสมกับระยะเวลาเจริญเติบโตของพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลผลิตตามต้องการได้สูงกว่าการปลูกพืชใช้ดิน ผลผลิต ค่าตอบแทนต่อหน่วยของพืช ระยะเวลาทำให้ได้ผลผลิตสูงยิ่งขึ้น การประหยัดเวลา ผลิตได้หลายรุ่น ไม่เกี่ยวกับฤดูกาลนั้น รวมทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลงจากการเตรียมดิน การกำจัดวัชพืช ทำให้การปลูกพืชไม่ใช้ดินจึงเป็นที่น่าสนใจแก่เกษตรกร โดยเฉพาะความรู้เรื่องปุ๋ยเคมี การจัดการ สูตรปุ๋ย ซึ่งมีการพัฒนาเป็นการค้าและหาซื้อง่ายกระจายทั่วประเทศอย่างแพร่หลาย คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องมีการให้ความรู้และประสบการณ์แก่ผู้สนใจในการประกอบอาชีพด้านนี้ จึงจัดโครงการฝึกอบรมชิงปฏิบัติการเรื่อง ?การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน? เพื่อถ่ายถอดเทคโนโลยีการผลิตพืชสมัยใหม่ให้แก่เกษตรกรและประชาชนในส่วนภูมิภาค และส่งเสริมอาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน