คณะ/สำนัก/หน่วยงาน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อโครงการ การประชุมวิชาการนานาชาติศูนย์วิจัยสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 3 "ภูมิภาคแม่น้ำโขงและอาเซียนในกระแสการเปลี่ยนแปลง: ผู้คนกับการก้าวข้ามพรมแดน" ลักษณะโครงการ การประชุมวิชาการ สัมมนาเชิงวิชาการ ความสอดคล้องกับมาตรการ / นโยบายของมหาวิทยาลัย | |||
ผู้รับผิดชอบ |
ดร.ปิ่นวดี ศรีสุพรรณ | คุณวุฒิ : ปริญญาเอก สาขา : สังคมวิทยา |
ประสบการณ์ : รองประธานคณะกรรมการศูนย์วิจัยสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ความเชี่ยวชาญ : สังคมวิทยา การวิจัยวัฒนธรรม |
หลักการและเหตุผล ในปี พ.ศ. 2558 ประเทศสมาชิกทั้ง 10 ชาติ ของอาเซียนจะมีสภาพเป็นประชาคมโดยสมบูรณ์ โดยมี ?กฎบัตรอาเซียน? (ASEAN Charter) เป็นธรรมนูญในฐานะกรอบกติกาการอยู่ร่วมกัน และมีการกำหนดสามเสาเพื่อเป็นทิศทางการพัฒนาร่วมกันคือประชาคมการเมืองและความมั่นคง (ASEAN Political and Security Community : APSC) ประชาคมเศรษฐกิจ (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio - Cultural Community : ASC) โดยประชาคมการเมืองและความมั่นคงเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขบนแนวคิดสันติวิธีผ่านการกำหนดมาตรฐาน การป้องกันการเกิดข้อพิพาท การแก้ไขข้อพิพาท และการส่งเสริมสันติภาพ ส่วนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเน้นให้สมาชิกมีความมั่นคง มั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆได้ สำหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนนั้นการยอมรับรับความหลากหลาย อยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร ประชาชนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต ที่ดี การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมเอกภาพท่ามกลางความหลากหลายใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนาและอารยธรรมโดยพยายามสร้างความเข้าใจระหว่างกันเพื่อการก้าวข้ามกรอบคิดทางสังคม ภาษาและวัฒนธรรมแห่งชาติ สำหรับ ?ชายแดน? และ ?พรมแดน? ภายใต้บริบทเสรีนิยมของการรวมตัวกันเป็นภูมิภาคแม่โขงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนนี้คือพื้นที่ของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐ กลุ่มชน ภาคเอกชน และชนชายแดนที่มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องตามบริบทและเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ภาษา วัฒนธรรม การเมืองและสังคม ชายแดนกลายเป็นพื้นที่ของการข้ามชาติที่มีทั้งชุมชนข้ามชาติ ผสมผสานกับชุมชนใหม่ ๆและชุมชนเดิม มีผู้กระทำการและผู้กระทำการซึ่งเป็นชนของชาติอยู่อาศัยอยู่และชนต่างชาติโดยมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆระหว่างกันและกัน พรมแดนได้ปรับเปลี่ยนจากการเป็นพรมแดนของการควบคุมมาสู่พรมแดนเปิดภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้เกิดการไหลหรือเคลื่อนย้ายผู้คน สินค้า ทุนและวัฒนธรรมข้ามแดน นอกจากนี้ชายแดนยังเป็นพื้นที่ของสนามการค้าที่รัฐมีบทบาทเป็นผู้อำนวยการให้มีการค้าและการข้ามแดนโดยพัฒนาเครื่องอำนวยการค้า เช่น โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีกฎหมาย ระเบียบต่างๆที่เอื้อต่อการค้าเสรีและการโยกย้ายทรัพยากร ผู้คน สินค้า ภาษาและวัฒนธรรม ในด้านพลวัตการพัฒนาในพื้นที่ชายแดน พบว่า ปรากฏการณ์ที่ผู้คน สิ่งของ สินค้า ทุน นวัตกรรมเทคโนโลยี และความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าข้ามชาติและการค้าชายแดนในพื้นที่พรมแดนระหว่างไทยและประเทศลาวที่มีความสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัว เพื่อการดำเนินกิกรรมต่างๆมากมายซึ่งเป็นไปได้ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญยิ่งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมที่ได้รับความใจและสนับสนุนจากรัฐในประเทศลุ่มน้ำโขงและประชาชนในพื้นที่พรมแดนหรือชายแดนระหว่างประเทศอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา ซึ่งปรากฏการณ์การข้ามแดนดังกล่าวนำมาสู่การเติบโตทางการค้าชายแดนและค้าข้ามชาติ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่เกิดขึ้นภายใต้บริบทใหญ่ของการพัฒนาชาติและการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์สังคม ภาษาและวัฒธรรมของภูมิภาคแม่น้ำโขงที่ผ่านมา การค้าชายแดนและการค้าข้ามชาติที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของสิ่งต่างๆนั้นเกิดจากนโยบายเกื้อหนุนต่างๆที่สนับสนุนให้เกิดการบูรณาการทางเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง จนนำมาสู่การพัฒนาเครื่องอำนวยความสะดวกต่อการข้ามแดน (Border facilities- เช่น เอกสารผ่านแดน ช่องทางผ่านต่างๆ ทั้งด่านที่เป็นทั้งจุดผ่อนปรน ด่านชั่วคราวและด่านสากล การลดกฎเกณฑ์ทางการค้า เป็นต้น) ซึ่งนโยบายต่างๆ ได้แก่ การการปรับนโยบายของ 3 ประเทศอินโดจีนที่เคยถือลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ได้แก่การประกาศนโยบายเสรีนิยมโด๋ยเม้ย (Doi Moi ในปีพ.ศ.2529) ของเวียดนาม ลาวเรียกว่า กลไกเศรษฐกิจใหม่ (New Economy Mechanism ในปี พ.ศ.2529) และกัมพูชาที่เน้นทุนนิยม หลังการเลือกตั้งทั่วไป ภายใต้การดูแลขององค์การสหประชาชาติ ในปี ค.ศ.1993 อิทธิพลของประเทศจีนในภูมิภาค นโยบายการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า(from the battle field to market place) ในยุคนายกชาติชาย ชุณหะวัณของประเทศไทย การจัดทำกรอบความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub regional Economic Cooperation) ตั้งแต่ปี 2532 ที่สนับสนุนโดยธนาคารพัฒนาแห่งเอเซีย (Asian Development Bank) ที่ได้มีโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ คือ กัมพูชา จีน พม่า ลาว เวียดนาม ไทย และร่วมกันจัดทำการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจ (Economic Corridor-EC) ในปี 2541 เช่น แนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East West Economic Corridor: EWEC) เป็นต้น และต่อมาได้จัดทำ ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง? (Cross Border Transportation Agreement-CBTA) ในปี 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขยายตัวด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การค้า การลงทุน และบริการในภูมิภาคโดยการเชื่อมโยงกลุ่มประเทศต่างด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคม การขนส่ง การพลังงานและอื่นๆ และล่าสุดในปี 2546 ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ได้ออกปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS : Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy) ที่มีความร่วมมือระหว่างประเทศด้านต่างๆ ศูนย์วิจัยสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง คณะศิลปศาสตร์ เป็นสถาบันวิจัยและให้บริการวิชาการที่ผลิตสร้างองค์ความรู้ควรต้องตระหนักว่าการบริการวิชาการความรู้เกี่ยวกับแม่โขงและอาเซียน โดยที่คณะศิลปศาสตร์เป็นคณะที่เน้นการเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านภาษา สังคม วัฒนธรรม ในเขตอีสานใต้ และภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และ มุ่งผลิตบัณฑิตให้มีความรอบรู้ทางวิชาการมีคุณธรรมและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมทั้งมุ่งสร้างและบูรณาการองค์ความรู้ทางด้านภาษา สังคม วัฒนธรรม และ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอีสานใต้ ประเทศ และภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และอาเซียน การเป็นสถาบันการเรียนการสอนด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทำให้คณะศิลปศาสตร์มีความโดดเด่นทางด้านการเรียนการสอนและการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อีสานใต้และเขตพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงคือจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งอยู่ในเขตอีสานใต้และลุ่มน้ำโขง รวมทั้งยังมีพื้นที่ติดกับประเทศในเขตอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงคือประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ประเทศเวียดนามโดยสามารถเดินทางโดยรถยนต์ผ่านประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้าสู่ภาคใต้ของประเทศเวียดนามซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโฮจิมินห์ชิตี้เมืองใหญ่ทางใต้ของประเทศเวียดนาม และนอกจากนี้ยังสามารถเดินทางโดยรถยนต์ผ่านประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ในจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นพื้นที่บริการทางด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีและคณะศิลปศาสตร์เข้าสู่ตอนกลางของประเทศเวียดนามซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเว้ ดานังและฮอยอัน และเข้าสู่ตอนเหนือของประเทศเวียดนามซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองฮานอยเมืองหลวงของประเทศเวียดนามโดยสะดวก ดังนั้นเอกลักษณ์ของคณะศิลปศาสตร์คือการเป็นศูนย์กลางความรู้ด้าน ภาษา สังคม และ วัฒนธรรม ในเขตอีสานใต้ และภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จึงดำเนินการผ่านพันธกิจของคณะ โดยการดำเนินการที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของคณะคือการมีกิจกรรมวิชาการ และทำวิจัยเรื่องที่เกี่ยวกับอีสานใต้และลุ่มน้ำโขงที่มีมากกว่าปีละ 10 เรื่อง มีหลักสูตรที่มีเนื้อหาในรายวิชาที่เกี่ยวกับอีสานใต้และลุ่มน้ำโขงมากกว่าร้อยละ 90 และยังเปิดสอนวิชาเอกลุ่มน้ำโขงศึกษาในระดับปริญญาโท รวมทั้งการเปิดสอนวิชาโทอินโดจีนศึกษาในระดับปริญญาตรี มีการเปิดสอนภาษาทั้งที่เป็นภาษาสากล ภาษาในประเทศเอเชียตะวันออก และภาษาของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาไทย ภาษาเวียดนาม ภาษาเขมร และภาษาลาว นอกจากนี้คณะยังมีศูนย์วิจัยสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ( Mekong Sub - region Social Research Centre - MSSRC ) ที่มีการจัดประชุมวิชาการนานาชาติที่เกี่ยวกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นประจำและศูนย์ข้อมูลลุ่มน้ำโขง ( Grater Mekong Sub - region Resource Centre - GMSCR ) อีกด้วยด้วยความพร้อมของคณะศิลปศาสตร์ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการบริการวิชาการนี้ |
||||
วัตถุประสงค์ | ||||
กลุ่มเป้าหมาย |
||||
นักวิชาการต่างชาติ, นักวิชาการภายในประเทศ, นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ทั้งด้านสังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง |
||||
การดำเนินโครงการ (ขั้นตอนหรือวิธีการดำเนินงานโครงการฯ)
การจัดการประชุมวิชาการนานาชาติในรูปแบบการ Call for paper โดยคณะผู้จัดจะได้ออกแบบแนวทางการดำเนินการในแต่ละsession ที่เน้นการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและมีการสรุปสาระความรู้จากแต่ละ session ของการนำเสนอ รวมทั้งจัดนิทรรศการคนข้ามแดนและชนชายแดนในภูมิภาคแม่โขงและอาเซียนที่เน้นเนื้อหาและแนวคิดการก้าวข้ามกรอบคิดทางสังคม ภาษาและวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยหน่วยงานต่างๆ โดยมีองค์กรร่วมจัด คือ ศูนย์พหุลักษณ์สังคมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยจำปาสัก วิทยาลัยกสิกรรมและป่าไม้จำปาสัก Monash University, Sydney University และ M-POWER โดยแบ่งห้องย่อย ดังนี้ ห้องย่อยที่ 1 ภาษาและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงและอาเซียน ห้องย่อยที่ 2 เศรษฐกิจของลุ่มน้ำโขงและอาเซียน ห้องย่อยที่ 3 คนข้ามแดน และชายแดน ห้องย่อยที่ 4 นโยบายและผลกระทบ ห้องย่อยที่ 5 แนวคิด ทฤษฎีในการเรียนรู้ลุ่มน้ำโขงและอาเซียน |
ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ||
1.เตรียมงาน Call for paper | - | - | - | - | - | - | 100,000.00 | ||||||
2.เตรียมงาน Paper Anouncement | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 50,000.00 | |||
3.จัดประชุม | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 600,000.00 | |
4.สรุปประชุม | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | 50,000.00 |
ระยะเวลาการดำเนินการ |
ร่างกำหนดการดำเนินงาน |
08.00-09.00 | Registration | - | |
10.45-12.30 | Paper presentation 5 panel | *to be confirmed | |
10.30-10.45 | Break | - | |
12.30-13.30 | Networking Lunch | - | |
09.15-10.30 | Keynote Speech "Unsettling the Mekong: migration, Transnational families and human well/ill being i | Prof.Dr. Jonathan Riggs | |
13.30-15.00 | Paper presentation | *to be confirmed | |
09.00-09.15 | Welcome Remark / opening speech | Secretary, National Reseach Committee of Thailand [*to be confirmed] | |
09.00-12.00 | Keynote Speech | Prof. James R. Chamberlain | |
15.00-15.30 | Closing Remark | Asst.Prof. Dr.Intira Sahir | |
13.00-14.30 | Paper presentation | *to be confirmed | |
14.45-15.00 | Wrap up | Asst.Prof. Dr. Kanokwan Manorom | |
12.00-13.00 | Lunch | - | |
10.30 -12.00 | Roundtable Special Panel “Disaster, grievance and resilience: Experiencing from Japan and ASEAN” | Prof. Oguma Eiji, Prof. Surichai Wangaeo, Asst.Prof.Dr. Kanokwan Manorom |
ผลที่คาดว่าจะได้รับในการดำเนินโครงการฯ |
||
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ |
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ | ||
ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ | ||
ผู้ร่วมโครงการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ | ||
ระดับความรู้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่วมโครงการ | ||
ความคุ้มค่าของงบประมาณต่อผู้ร่วมโครงการ |
ตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพ
|
การติดตามและประเมินผล |
การประเมินและรายงานผลการดำเนินงาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดงบประมาณ
งบประมาณทั้งสิ้น 800,000.00 บาท
|